๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๐

sequence

แบบทดลองที่สี่

นำลักษณะการติดตาแบบตัวทีมาใช้ ซึ่งมีลักษณะเอาตา มาสอดกัน จึงลองทำกับโครงสร้างรูปเรขาคณิตเมื่อมาสอดทับกันก็จะเกิดภาพใหม่ขึ้น เหมือนกับการที่นำตาของดอกกุลาบสีอื่นมาติดกับต้นตอ ทำให้เกิดความหลากหลายสีในต้นเดียวกัน

สร้างรูปบนกระดาษแล้วเจาะให้เกิดช่อง
เอามาสอดกันโดยเลือกรูปเรขาคณิตรูปเดียวกัน




sequence

แบบทดลองที่สาม
เนื่องจากขั้นตอนการติดตาคือการนำตาของต้นพันธุ์มาติดบนต้นตอเพื่อให้เนื้อเยื่อสมานกันได้ จากหลักการนี้เลย จึงนำลักษณะการเชื่อมคำโดยที่มีรูปสระ
(โครงสร้างคำ)เหมือนกัน เพื่อให้คำที่นำมาต่อมีความต่อเนื่อง โดยที่เรื่องที่นำมาต่อไม่ใช่เรื่องเดียวกัน แต่อาศัยหลักการเชื่อม(link)ในรูปของโครงสร้างสระ
เมื่อเชื่อมแล้วก็ได้คำในความหมายใหม่
สระมี ๓๒ เสียง
สระเดี่ยว(สระที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของลิ้นและริมฝีปากเพียงส่วนเดียว)
สระประสม(สระที่เกิดจากการ เคลื่อนไหวของลิ้นทั้งส่วนหน้า - กลางและหลัง ทำให้รูปริมฝีกปากเปลี่ยนไป)
สระเกิน(สระที่มีเสียงพยัญชนะประสมอยู่)

สระเดี่ยว
๑. อะ ๒. อา ๓.อิ ๔. อี ๕. อึ ๖. อือ(เมื่อใช้สระอือ ต้องมี อ ตามหลัง) ๗.อุ ๘. อู ๙. เอะ ๑๐. เอ ๑๑. แอะ ๑๒. แอ ๑๓. โอะ ๑๔. โอ ๑๕. เอาะ ๑๖.ออ
๑๗. เออะ ๑๘. เออ

สระประสม
๑๙.. อัวะ
๒๐. อัว
๒๑. เอียะ
๒๒. เอีย
๒๓. เอือะ
๒๔. เอือ

สระเกิน
๒๕. อำ ๒๖. ใอ ๒๗. ไอ ๒๘. เอา ๒๙. ฤ ๓๐. ฤๅ ๓๑. ฦ ๓๒. ฦา

เช่น เริ่มจาก ต้นไม้ -ไส้ดินสอ -หลอดน้ำ-ลำธาร-ห่านขาว-ดาวตก-นกเขา-เตาไฟ-ไม้ซุง-ทุ่งนา-อาหาร-จานกระเบื้อง-เครื่องประดับ-ทรัพย์สิน
จากคำเหล่านี้นำมาทำเป็นเรื่องต่อกัน โดยทำเป็นหนังสือที่ใช้การ binding ต่อกันเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวลิงค์

๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๐

sequence

แบบทดลองที่สอง
การติดตานั้นได้ลองเชื่อมโยงเข้ากับอีกความหมายหนึ่งคือเอาลักษณะโครงสร้างของต้นไม้มาเทียบ
โครงสร้างต้นไม้ เป็นโครงสร้างมีความสัมพันธ์กับแบบโครงสร้างข้อมูล โดยที่โครงสร้างต้นไม้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับธรรมชาติของข่าวสารและวิธีการแปลงข่าวสาร (โครงสร้างข้อมูล) เพราะมีลักษณะคล้ายกิ่งก้านของต้นไม้ ต้นไม้ธรรมชาตินั้นจะงอกจากล่างสู่บน แต่โครงสร้างข้อมูลจะมีลักษณะจากบนสู่ล่างดังนี้


จากตรงนี้เทียบได้ว่า



<1> โครงต้นไม้

<2> โครงข้อมูล

๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๐

sequence

การทดลองที่ 1
จากเรื่องการติดตา เป็นเรื่องของการแก้พันธุ์เลวให้เปลี่ยนเป็นพันธุ์ดีได้ โดยสองสิ่งที่นำมาแก้ไขนั้นต้องมีคุณสมบัติเดียวกัน หรือ
อยู่ในพืชตระกูลเดียวกัน จากจุดนี้จึงเปรียบเทียบเข้ากับเรื่องการศัลยกรรม ซึ่งเป็นการเลือกแก้ไขในสิ่งที่บกพร่องให้มีลักษณะดีขึ้น
ซึ่งการศัลยกรรมนั้นเห็นว่ามีขั้นตอนวิธีการคล้ายกับการติดตาคือต้องการนำพันธุ์ดีลอกเปลือกออกจากต้นเดิม มาติดตาใส่เข้ากับต้นตอ
ที่คงเหลือไว้แต่เนื้อใน เปรียบได้กับการ cutting and paste งานจะนำวิธีการ collage มาใช้

๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๐

budding

การติดตา คือเป็นการเอามาต่อกิ่งอีกต้นหนึ่ง เพื่อให้เชื่อมหรือประสานเนื้อเยื่อของพืชเข้าด้วยกัน เป็นการขยายพันธุ์พืชโดยใช้ส่วนต่างๆของพืช เช่น ลำต้น กิ่ง และตาของพืชต้นหนึ่งสร้างเนื้อเยื่อประสานติดกับส่วนของลำต้น หรือกิ่งของพืชอีกต้นหนึ่ง ทำให้ได้ลักษณะและคุณภาพตรงตามพันธุ์เดิมทุกประการ ไม่กลายพันธุ์ โดยเฉือนเอาเฉพาะส่วนตาของต้นพันธุ์ดีมาติดกับต้นพันธุ์พื้นเมือง (ต้นตอ) เมื่อส่วนของตาต้นพันธุ์ดีติดและเจริญเติบโตเป็นกิ่ง แล้วจึงตัดยอดของพันธุ์พื้นทิ้งหลังจากนั้นยอดกิ่งพันธุ์ดีก็เจริญเป็นต้นพันธุ์ดีนำไปปลูกได้ พืชที่เหมาะสมในการติดตา ได้แก่ กุหลาบ พุทรา ชบา พู่ระหง เฟื่องฟ้า
ประโยชน์ของการติดตา
1. สามารถเปลี่ยนต้นพันธุ์เลวให้เป็นต้นพันธุ์ดีได้
2. ทำให้ได้มีผลหรือไม้ดอกหลายชนิดรวมอยู่บนต้นเดียวกัน
3. สามารถแพร่พันธุ์พืชได้จำนวนมาก เพราะแต่ละกิ่งมีตามาก
4. พืชที่ได้จากการติดตาจะแข็งแรง เพราะมีรากแก้วของต้นตอ
5. ให้ดอกผลเร็ว
ขั้นตอนการติดตา



การติดตา เป็นการขยายพันธุ์ โดยการใช้มีดติดตาหรือมีดเล็กเฉือนตาจากกิ่งพันธุ์ดีไปสอดในแผ่นเปลือกของต้นตอที่เผยอไว้ แล้วพันด้วยพลาสติกให้แน่น เมื่อแผ่นตาที่นำได้ไปติดและแตกใบดีแล้วจึงตัดส่วนยอดของต้นตอทิ้งไป ทำให้พันธุ์เดิมซึ่งเป็นพันธุ์ที่ไม่ดีที่ปลูกด้วยเมล็ดกลายเป็นต้นพันธุ์พืชดี ลักษณะของพันธุ์ที่จะติดตากันได้ จะต้องเป็นพืชที่อยู่ในตระกูลเดียวกัน

การติดตาแบบตัวที
ประโยชน์ของการติดตาต่อกิ่ง
1. การขยายพันธุ์สายต้นที่ใช้วิธีอื่นแล้วไม่สะดวก
ไม้ผลส่วนมากและนัทต่างๆ ไม้เนื้อแข็ง เช่นยูคาลิปตัสและสนไม่อาจขยายพันธุ์เป็นการค้าด้วยวิธีปักชำได้เนื่องจากมีเปอร์เซ็นต์การออกรากต่ำ พืชบางชนิดขยายพันธุ์ด้วยการตอกกิ่งหรือแบ่งกอ แต่ถ้าต้องการขยายพันธุ์เป็นจำนวนมากจำเป็นต้องการใช้วิธีการติดตาหรือต่อกิ่งพันธุ์ดีบนต้นตอที่เข้ากันได้
2. ต้องการประโยชน์บางอย่างจากต้นตอ
ไม้ผลและไม้ประดับบางพันธุ์มีระบบรากของตนเองไม่ดีต้องนำไปต่อบนต้นตออื่นที่ทำให้ได้ต้นใหม่ที่ดี ต้นตอนั้นสามารถทนสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมได้ เช่น ทนดินแน่น ดินแฉะ ทนโรคและแมลงในดินได้ดีกว่า ต้นตอบางอย่างสามารถทำให้ได้ผลขนาดใหญ่ขึ้นและมีคุณภาพของผลดีกว่าเมื่อใช้ต้นตออื่น
3. เพื่อเปลี่ยนพันธุ์พืช
ไม้ผลดังเดิมที่ปลูกอาจให้ผลผลิตต่ำและเป็นพันธุ์ที่ไม่มีคนนิยมแล้ว หรือเป็นพันธุ์ที่มีนิสัยการเติบโตไม่ดี ไม่ทนโรคและแมลง อาจใช้พันธุ์อื่นที่ต้องการนำมาเปลี่ยนยอด ไม้ผลบางชนิดมีปัญหาเรื่องการติดผลเนื่องจากมีดอกตัวผู้หรือดอกตัวเมียในต้นเดียวกันน้อยไป เราช่วยให้เกิดการผสมข้ามได้อย่างพอเพียงโดยต่อกิ่งที่มีเกสรตามต้องการบนต้นนั้น
4. เร่งวัยเจริญพันธุ์ของต้นกล้าที่ผสมพันธุ์ไว้ในโปรแกรมการผสมพันธุ์พืช
การผสมพันธุ์ไม้ผล เมื่อได้เมล็ดมาอาจต้องใช้เวลา 5 ปีขึ้นไปจึงจะออกดอกออกผล เราเร่งวัยเจริญพันธุ์ของต้นกล้านั้นโดยนำกิ่งจากเมล็ดนั้นมาต่อหรือติดตาบนต้นตอที่เติบโตเป็นต้นใหญ่แล้วหรือต่อบนต้นตอแคระ การต่อกิ่งดังกล่าวมิได้ขจัดปัญหาความเยาว์วัยของต้นกล้า แต่ได้ประโยชน์จากระบบรากขนาดใหญ่ของต้นตอเพื่อเร่งให้เปลี่ยนเป็นวันเจริญพันธุ์
5. เปลี่ยนรูปทรงของต้นไม้
เช่นการทำ “tree” rose หรือ “weeping” cherries โดยปลูกต้นตอให้สูง 1.2-1.8 เมตร แล้วติดตาพันธุ์ที่มีลักษณะทิ้งตัวบนต้นตอนั้น หรือแคลลัสสามารถต่อกิ่งกันได้ง่ายทำให้ได้ต้นไม้รูปทรงแปลกๆ
6. ซ่อมแซมส่วนของพืชที่ถูกทำลาย
เมื่อรากหรือต้นใหญ่ถูสัตว์กัดแทะ ถูกเครื่องจักรทำให้เสียหาย อาจใช้การต่อกิ่งแบบสะพาน และการเสริมรากช่วยให้ต้นไม้อยู่รอดได้
7. ใช้ศึกษาเรื่องโรคไวรัส
ไวรัสสามารถถ่ายทอดจากต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่งได้โดยการต่อกิ่ง แต่บางพันธุ์มีโรคนี้แต่ไม่แสดงอาการ จึงใช้กิ่งที่สงสัยว่าจะเป็นโรคหรือไวรัสต่อหรือทาบบน indicator plants ซึ่งอ่อนแอต่อเชื้อไวรัสมาก ถ้าได้รับเชื้อจะแสดงอาการอย่างชัดเจน














๐๙ กรกฎาคม ๒๕๕๐

tetris

Tetris ถูกคิดค้นโดยชาวรัสเซียชื่อ Alexley Pajitnov ในปี 1985 ที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร ในกรุงมอสโคว์ โดยได้รับแรงบันดาลใจ มาจากเกมที่ชื่อว่า pentominoes , Tetris เป็นเกมที่โด่งดังมาก และมีลงในเครื่องทุกชนิด ที่สามารถเล่นเกมได้ มีแม้กระทั่งคนเอา Tetris ไปเล่นกับตึก โดยอาศัยการติดดับของไฟ และใช้โน้ตบุคบังคับเกม ที่ตึก LA BASTILLE
Tetrisวิธีเล่น จะมีบลอครูปทรงต่างๆ ที่ประกอบด้วยบลอคย่อย 4 บลอค ซึ่งรูปทรงนี้ เรียกว่า Tetrads รูปทรงเหล่านี้จะร่วงลงมา และเมื่อเราสามารถเติมเต็มได้ในหนึ่งแถว แถวนั้นจะหายไป การทำให้หายไปนี้ สามารถหายไป พร้อมกันมากที่สุดได้ 4 แถวโดยบลอครูปตัว I และการทำให้หายไป มากที่สุด 4 แถวนี้แหละ ที่เรียกว่า Tetris และเป็นชื่อเกมTetris เป็นเกมที่ใช้หลักแรงโน้มถ่วงของโลก ซึ่งเป็นเหตุทำให้กติกา ในยุคแรก กับในยุคหลัง ต่างกัน กรุณาดูตามรูปกติกาในยุคแรกนั้น เราจะไม่สามารถทำ คอมโบต่อเนื่อง ได้ กล่าวคือ เมื่อแถวปัจจุบันหายไป แถวข้างบน จะหล่นลงมา เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้นจะมีชิ้นส่วนที่ลอยอยู่แ่ต่กติกาในยุคหลัง ได้มีการปรับปรุงในจุดนี้ ซึ่งจะเห็นว่าเป็นหลัก ที่ใกล้เคียงความเป็นจริงมากขึ้น เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเล่นไปชั่วนิรันดร์?โดยปกติแล้ว ผู้ที่เล่น Tetris จะแพ้ ด้วยเหตุผล สองประการ คือ หนึ่ง.ความเร็วที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้เล่น ไม่สามารถคิดตามได้ทัน หรือ สอง. ตัวระบบเอง ไม่สามารถตอบสนอง ต่อการกดของผู้เล่น ได้เท่ากับความเร็วในการตกของตัวบลอค ซึ่งปัญหาหลังนี้ เป็นปัญหาทางด้านการดีไซน์เกมแต่ถ้าสมมติว่า ความเร็วไม่เพิ่มขึ้นเลย ในแต่ละด่าน เราจะสามารถเล่น Tetris โดยไม่แพ้ ไปชั่วนิรันดร์ได้หรือไม่?คำตอบคือ ไม่ได้ เหตุผลมาจากตัวบลอคสองรูป คือ ตัว S และ Z (คล้ายรูปสายฟ้าฟาด) สองตัวนี้เป็นปัญหาของการเล่น ลองจินตนาการว่า คุณได้รับรูปตัว S หรือ Z มามากๆ ติดต่อกัน คุณจะไม่สามารถเคลียร์แถวได้หมด เนื่องจากว่าจะมีช่องว่างตรงริมอยู่ในหนึ่งแถว และเนื่องจากการตกลงมาของบลอคเป็นแบบสุ่ม ดังนั้นเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นได้แน่นอน (ต่อไปนี้เป็นเชิงเทคนิค : ถ้าการตกลงมาเป็นแบบสุ่มสมบูรณ์ในทางทฤษฎี เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นไ้ด้ แต่เนื่องจากในทางปฏิบัติ การสุ่มที่ใช้ในโปรแกรมเป็นแบบ pseudo-random generator ซึ่งจะใช้หลักของ linear congruential generator ดังนั้นเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิด)สมมติว่าให้ผู้เล่นเป็นผู้เล่นที่เพอร์เฟค กล่าวคือสามารถหาหนทางชนะได้เสมอ ตราบเท่าที่มีหนทาง เขาจะสามารถอยู่รอดได้เมื่อได้รับตัว S หรือตัว Z ติดต่อกัน 150 ตัว หลังจากนั้นคือไม่รอด ดังนั้น ความน่าจะเป็นที่เขาจะตายโดยได้รับ S หรือ Z ติดต่อกัน จะเป็น (2/7)กำลัง 150 หรือนั่นคือประมาณจำนวนอะตอมในจักรภพที่เรารู้จัก พูดง่ายๆ คือ เกิดขึ้นยากมากในทางปฏิบัตินั่นแหละ ที่จะมีคนเล่นไปจนขนาดนั้น แต่ว่า ก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดไม่ได้
sequence ของ tetris คือเป็นการรวมตัวกันเพื่อลดจำนวนลง และมีลำดับ random ของการปล่อยตัวบล็อคลงมา
การรวม = การบวก
การรวมเพื่อลดจำนวน = จำนวนติดลบ + จำนวนติดลบ

Sequence การติดตา

การติดตา(การขยายพันธุ์พืช) คือการทำให้พืชมีผลหรือดอกหลายชนิดบนต้นเดียวกัน
วิธีการคือเลือกต้นตอมา แล้วนำส่วนตา( bud ) ของอีกต้น(ต้องเป็นพืชชนิดเดียวกัน)มาประกบติดกับตาของต้นตอ
ทำให้กลายเป็นต้นเดียวกันหรือเรียกว่าการแตกหน่อ ออกจากตาสมมุติว่าเป็น ต้นกุหลาบสีแดงแต่อยากได้กุหลาบหลายๆสี ก็นำตาของกุหลาบสีอื่นมาติดตาที่ต้นตอที่เลือกไว้ก็จะทำให้ได้
ดอกกุหลาบหลายสีในต้นเดียวกัน เหมือนกับว่ามี sequence เดิมแล้วนำ sequence อื่นที่มีโครงสร้างเหมือนกันมาต่อจาก
จุดเดิม( แตกหน่อ)


ลักษณะงานคือนำเอาเรื่องข่าวในชีวิตประจำวันมาหนึ่งเรื่องแล้วแตกหน่อของเรื่องออกมา ก็จะได้องค์ประกอบเรื่องราวหลากหลายมากขึ้น แล้วนำมาเรียงเป็นเนื้อเรื่องใหม่ที่ยังมีเค้าเรื่องเดิม

๐๒ กรกฎาคม ๒๕๕๐

sequence

ที่มาและความสำคัญ
ได้สถานการณ์มาจาการดูหนังเรื่องหนึ่งทางช่องโทรทัศน์ ขณะที่ดูอยู่นั้น
ก็มีโฆษณามาคั่นเป็นช่วงๆตลอด จากสถานการณ์นี้ทำให้เห็นว่าหนังซึ่ง
เป็นตัวที่ดำเนินอยู่นั้นได้ถูกโฆษณามารบกวนทำให้การดำเนินเรื่องของหนัง
ถูกหยุดชั่วขณะ แต่เมื่อโฆษณาผ่านไปแล้วหนังก็ดำเนินเรื่องต่อไปเหมือนเดิม
ซึ่งไม่ได้ทำลายการดูหนัง หนังก็ยังคงเดินเนื้อเรื่องไปจนจบได้

taxi


สนใจว่า ขณะนั่งรถแท็กซี่กลับบ้าน ปกติแล้วจากห้างเดอะมอลล์ มาถึงบ้านโดยที่รถไม่ได้ติดเลย จะใช้เวลาไม่ถึง สิบนาทีราคาโดยสาร 51 บาท แต่มีวันหนึ่งกลับบ้านตอนเย็น วันนั้นฝนก็ตกใช้เวลาเดินทางนานกว่าเดิมมาก ราคาค่ารถเพิ่มขึ้นจากวันก่อนเป็น 77 บาท เพิ่ม 26 บาท จากวันก่อน สาเหตุคงเนื่องมาจาก รถติด เพราะวันนั้นป็นวันที่มีฝนตกบวกกับเวลาเย็นคนเลิกงาน เลยทำให้รถเยอะ ไฟแดงก็ติดนานกว่าเดิม คือวันนั้นทุกอย่างช้าหมดมีแต่ meter อย่างเดียวที่ขึ้นเร็วมาก(เหมือนเดินสวนทางกับทุกอย่าง) เลยมาดูการเก็บอัตราค่า มิเตอร์ค่ามิเตอร์นั้นเริ่มต้นที่ 2 กม.แรก 35 บาท กิโลเมตรต่อไปขึ้นทีละ 2 บาท ถ้ารถติดจะขึ้นนาทีละ 2 บาท(อืม! เป็นอย่างนี้นี่เอง)
ลองมาวิเคราะห์ว่าเหตุการณ์ที่ทำให้รถติดได้นั้นมีอะไรบ้าง ?
1 ฝนตก
2 เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
3 ติดไฟแดงนาน
4 เป็นเวลาเลิกงาน

๐๑ กรกฎาคม ๒๕๕๐

ร้องเพี้ยน

สาเหตุการร้องเพี้ยนเกิดจากอะไร
...เกิดจากความบกพร่องของหู คือ หูได้รับเสียงนึง แต่ประมวลออกมาเป็นอีก
เสียงหนึ่ง ซึ่งไม่ตรงกับเสียงที่ได้รับมาตอนต้น จึงทำให้ส่งผลถึงเสียงที่เปล่งออก
มา ไม่ตรงกับเสียงที่ได้ยิน หรือ อาจจะเกิดจาก ความบกพร่องของเส้นเสียง
โดยตรง จึงไม่สามารถเปล่งเสียงได้ตามที่ต้องการ